สังขยา บรูเลท์ - Coconut Custard (Sangkhaya) Brûlée
Tuesday, September 30, 2014เมื่อเดือนก่อน หาวิธีทำสังขยาในเน็ต ก็ค้นพบวิธีทำจากหลายเว็ป แต่ก็คงลอกมาจากที่เดียวกัน เพราะพูดเหมือนกันเรื่องให้เอาส่วนผสม ผสมเข้าด้วยกันแล้วใช้ใบเตยขยำๆ แล้วเอาไปนึ่ง ก็ทำตามเค้า แต่ออกมาไม่ค่อยได้เรื่องเท่าไหร่ (ตามเคย อิอิ)
ด้วยความข้องใจว่าทำมั้ย ทำไม มันต้องเอามือขยำใบเตยในกะทิด้วยเนี่ยะ มันควรมีวิธีที่ดีกว่านา ก็เลยไปค้นวิธีทำ แคร็มบรูเลท์ แล้วเอามาประยุกต์ ก็จริงๆ แล้วมันก็คัสตาร์ดเหมือนกันน่ะ (ตอนคุณท้าวทองกีบม้า** ท่านคิดวิธีทำสังขยาในสมัยน่ะ คงไม่มีวิธีอื่น แต่ปัจจุบัน เรามีเทคโนโลยีทันสมัย ควรนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ จริงมะ)
แล้วด้วยความที่ชอบกินน้ำตาลไหม้บนแคร็มบรูเลท์ แต่ไม่ค่อยชอบตรงครีมข้างล่างเท่าไหร่ รู้สึกเหมือนมันนจืดๆ จึงคิดด้วยความสมองใสว่า เอาสองอย่างนี่มาประยุกต์เข้าด้วยกัน มันคงจะดีไม่น้อย และก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ
ส่วนผสม สำหรับ ถ้วยเรเมกิ้นเล็ก (3 1/4" x 4 3/4" x 1") 4 ที่
กะทิ 3/4 ถ้วยตวง
น้ำตาลทราย 1/3 ถ้วยตวง
ไข่ 1 ฟอง
ใบเตย 2 ใบ
วนิลลา 1 ช้อนชา
น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ ต่อหนึ่งที่ ไว้เวลาจะเผาหน้าให้ไหม้
น้ำตาลไอซิ่ง 1 ช้อนชา ไว้โรยหน้า (หรือจะไม่โรยก็ได้)
ปืนโพรเพนพ่นไฟ สำหรับเผาน้ำตาล
วิธีทำ
- เปิดเตาอบที่ 300 องศาฟาเรนไฮท์
- นำใบเตยมาล้างให้สะอาด ขยี้ๆ พอให้ช้ำ ใส่ลงไปในกะทิ แล้วตั้งไฟกลาง พอให้ร้อนจนมีฟองปุดๆ รอบๆ ด้านนอก อย่าให้เดือด
- ตีไข่กับน้ำตาลทราย พอให้เข้ากัน ไม่ต้องมากจนเป็นฟอง
- นำนมร้อนค่อยๆ เทลงไปในไข่ที่ตีไว้ ทีละนิด (อย่าเทเร็ว เพราะไข่จะสุก) คนให้เป็นเนื้อเดียวกัน ไม่ต้องมาก เพราะไม่งั้นจะเกิดฟองอากาศ สังขยาจะไม่เนียน (ตรงข้ามกับที่เราเห็นที่ขายกันมักมีรูอากาศเยอะๆ)
- นำถ้วยเรเมกิ้นไปเรียงกันในถาดอบลึก ห่างกันพอสมควร เทส่วนผสมสังขยาลงในถ้วยเรเมกิ้น
- ใช้เหยือกใส่น้ำอุ่น หรือน้ำเย็นก็ได้เทลงไปในถาดอบพอให้สูงประมาณครึ่งถ้วยเรเมกิ้น การหล่อน้ำ เวลาอบ (หรือที่เรียกว่า water bath หรือ bain marie) จะทำให้สังขยาสุกทั่วถึง (ไม่ต้องทึ้งผมรอ อย่างเวลาอยู่บนรังถึง อิอิ สงสัยเราทึ้งผมอยู่คนเดียว)
- อบเป็นเวลานาน 35-40 นาที พอให้เขย่าถ้วย แล้วสังขยาเด้งดึ๋งไปมา ไม่ต้องแข็งโป้ก
- ค่อยๆ ใช้ถุงมือ หรือผ้า จับถ้วยเรเมกิ้น ขึ้นมาจากน้ำ เรียงในจาน รอให้หายร้อน นำเข้าตู้เย็นให้แข็งตัว
- เมื่อพร้อมจะเสิร์ฟ ใช้น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ โรยหน้า ใช้นิ้วเกลี่ยให้เสมอกัน
- เปิดไฟปืน กลางๆ อย่าแรงมาก ค่อยจ่อใกล้ๆ ให้น้ำตาลไหม้ (ตอนนี้สนุกสุด อิอิ)
- แต่งหน้าด้วยน้ำตาลไอซิ่ง ผลไม้ ตามชอบ
** ท้าวทองกีบม้า หรือ มาเรีย กูโยมาร์ เด ปิญญา (Maria Guyomar de Pinha) แต่มักเป็นที่รู้จักในชื่อ มารี กีมาร์ (Marie Guimar - พ.ศ. 2201 หรือ พ.ศ. 2202 - พ.ศ. 2265) เป็นสุภาพสตรีช่วงกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย ภรรยาของเจ้าพระยาวิชาเยนทร์ (คอนสแตนติน ฟอลคอน) ขุนนางกรีกที่ทำราชการในรัชกาลสมเด็จพระนารายณ์มหาราช
เธอมีชื่อเสียงจากการปฏิบัติหน้าที่หัวหน้าห้องเครื่องต้นวิเสทในราชสำนัก ตำแหน่ง "ท้าวทองกีบม้า" ว่ากันว่านางได้ประดิษฐ์ขนมไทยที่ได้รับอิทธิพลจากอาหารโปรตุเกส อาทิ ทองหยิบ, ทองหยอด, ฝอยทอง, ทองม้วน และหม้อแกง จนได้สมญาว่าเป็น "ราชินีแห่งขนมไทย" แต่ก็มีกระแสคัดค้าน โดยให้เหตุผลว่า ขนมโปรตุเกสเหล่านี้แพร่หลายมาพร้อมกับกลุ่มชนเชื้อสายโปรตุเกสที่เข้ามาพำนักในกรุงศรีอยุธยามากว่า 150 ปีก่อนที่นางจะเกิดเสียอีก เรื่องที่นางดัดแปลงขนมไทยจากตำรับโปรตุเกสเป็นคนแรกเห็นจะผิดไป...http://th.wikipedia.org/wiki/ท้าวทองกีบม้า_(มารี_กีมาร์)
0 comments